การสร้างสรรค์นวัตกรรมด้วยฟาร์มวิจัยแห่งใหม่ 

ในปี 1945 คาร์กิลล์ซื้อ Nutrena Mills ซึ่งเป็นผู้ผลิตอาหารสัตว์ชั้นนำที่ใช้ฟาร์มในมิสซูรีเป็นฐานการผลิตอาหารสัตว์ เมื่อริชาร์ด บาลด์วินก้าวมาเป็นหัวหน้าของแผนกวิจัยของคาร์กิลล์ในปี 1954 วิสัยทัศน์ของเขาที่จะขยายงานของฟาร์มนี้ได้ก่อให้เกิดนวัตกรรมและความสำเร็จแก่บริษัทเป็นเวลายาวนานกว่าห้าสิบปี

ไม่นานหลังจากที่บริษัทจ้างบาลด์วิน เขาเริ่มก่อตั้งศูนย์วิจัยขนาดใหญ่ซึ่งคาร์กิลล์สามารถเรียนรู้เกี่ยวกับโภชนาการอาหารสัตว์ ศึกษาประสิทธิภาพของอาหารสัตว์ และพัฒนาวิธีการใหม่ๆ ในการเลี้ยงสัตว์ได้อย่างต่อเนื่อง หลังจากใช้เวลาในการค้นหาหนึ่งปีเพื่อตรวจสอบสถานที่ 50 ถึง 75 แห่งที่สามารถตั้งเป็นฟาร์มได้ เขาก็ค้นพบจุดที่ดีที่สุดบนเนื้อที่ขนาด 840 เอเคอร์ใกล้กับแม่น้ำเอลค์ ในรัฐมินเนสโซตา ไม่ไกลจากสำนักงานใหญ่ของคาร์กิลล์ในมินนีอาโปลิส ในปี 1958 ฟาร์มวิจัยของคาร์กิลล์แห่งใหม่ก็เปิดตัวขึ้น

คาร์กิลล์ใช้ประโยชน์จากพื้นที่ใหม่จำนวนหลายเอเคอร์นี้อย่างชาญฉลาด มีการใช้สภาพแวดล้อม “แบบในฟาร์ม” เพื่อเลียนแบบวิธีที่เกษตรกรอาจใช้ในการเลี้ยงสัตว์ ศูนย์วิจัยให้เนื้อที่สำหรับทดสอบวัวและนม และงานวิจัยขั้นสูงด้านอาหารสัตว์สำหรับสัตว์ปีก สุกร วัว และสุนัข เพราะงานวิจัยหลายชิ้นของบริษัททำขึ้นที่ส่วนกลาง ทีมวิจัยและนักวิทยาศาสตร์ของคาร์กิลล์จึงร่วมมือกันได้ดีขึ้น เพื่อให้ได้ผลการวิจัยที่เร็วกว่าและแม่นยำขึ้น

“ผู้มาเยี่ยมชมที่แม่น้ำเอลค์กลับไปโดยเชื่อว่าเราเป็นผู้รู้ด้านธุรกิจการผลิตอาหารสัตว์และปศุสัตว์ และได้รับความรู้ใหม่ๆ ทุกวัน”
จิม นอร์ธซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายอาหารสัตว์ คาร์กิลล์กล่าว

หนึ่งในนวัตกรรมแรกเริ่มและสำคัญที่สุดของคาร์กิลล์ที่ได้จากฟาร์มวิจัยคือ Pigloo ซึ่งเป็นพื้นที่ให้กำเนิดสุกรโดยเฉพาะ ด้วยพื้นที่ขนาดแปดฟุตแยกจากกัน Pigloo จึงเป็นโรงเรือนและโรงแยกที่จำเป็นต่อการปกป้องลูกสุกรเกิดใหม่จากเชื้อโรค ช่วยให้ลูกสุกรมีเวลาพอที่จะสร้างภูมิต้านทานและป้องกันไม่ให้ลูกสุกรถูกแม่สุกรทับ จากนั้นบริษัทได้ปรับเปลี่ยนระบบที่ประสบความสำเร็จนี้ไปใช้กับวัว โดยตั้งชื่อว่าระบบ Calfloo

ในช่วงแรกๆ ศูนย์วิจัยซึ่งปัจจุบันรู้จักกันในชื่อศูนย์นวัตกรรมด้านโภชนาการอาหารสัตว์ของคาร์กิลล์ ถือเป็นแหล่งกำเนิดของความสำเร็จสำคัญด้านการสร้างภูมิคุ้มกันในสัตว์ การป้องกันภาวะเลือดจางในสุกร และอาหารเหลวสำหรับวัว ต่อมา ฟาร์มแห่งนี้ได้กลายเป็นหนึ่งในสถานที่แรกที่ใช้คอมพิวเตอร์เพื่อศึกษาสัตว์และการเกษตร และช่วยให้คาร์กิลล์เริ่มเข้าสู่อุตสาหกรรมสัตว์น้ำ

แต่ศูนย์วิจัยแห่งนี้ก็เป็นอะไรที่มากกว่านวัตกรรม ศูนย์ยังเป็นสถานที่ที่มุ่งเน้นด้านการศึกษาด้วย คาร์กิลล์เปิดฟาร์มเพื่อให้เข้าชม เปิดโอกาสที่ไม่เหมือนใครให้ผู้คนได้เรียนรู้เกี่ยวกับงานวิจัยในสัตว์จากผู้เชี่ยวชาญและได้สัมผัสประสบการณ์ตรง

แม้ว่าศูนย์นวัตกรรมด้านโภชนาการอาหารสัตว์ของคาร์กิลล์จะขยายทั้งขนาดและการศึกษาวิจัยตั้งแต่เปิดศูนย์ขึ้นในปี 1958 ที่แห่งนี้ยังคงเป็นแหล่งสำรวจและการพัฒนาท่สำคัญด้านงานวิจัยโภชนาการอาหารสัตว์ต่อไป