อนุรักษ์พลังงานกับ Tesla

ในบรรดางานปฏิบัติการแปรรูปเนื้อทั้งหมดของคาร์กิลล์ทั่วทั้งทวีปอเมริกาเหนือ โรงงานแปรรูปเนื้อขนาดใหญ่ของตนเองในเมืองเฟรสโน รัฐแคลิฟอร์เนียนั้นถือเป็นผู้นำในด้านความยั่งยืน จอน แนช ผู้จัดการโรงงานและทีมงานของเขากว่า 1,000 คนนั้นได้ปฏิบัติงานอยู่ในหนึ่งในโรงงานแปรรูปเนื้อที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่สุดในสหรัฐอเมริกา ที่คงรักษาอัตราการปล่อยมลพิษไว้ได้ต่ำมากในขณะที่สามารถผลิตเนื้อได้กว่า 110,000 ตันต่อปี ระบบการจัดเก็บพลังงานแสงอาทิตย์และระบบการกู้แก๊สมีเทนของโรงงานนั้นได้นำเสนอวิธีการนำพลังงานกลับมาใช้งานเพื่อทำความร้อนให้น้ำ ซึ่งเป็นวิธีการที่ยั่งยืนในการทำความสะอาดโรงงานและอุปกรณ์ เพื่อความปลอดภัยของอาหาร แม้ว่าโรงงานจะประสบความสำเร็จในด้านความยั่งยืนมาเพียงใดในอดีต ทีมงานในเฟรสโนก็ยังคงผลักดันที่จะทำให้ได้มากขึ้นไปอีก

ทีมงานของคาร์กิลล์ได้ติดต่อ Tesla บริษัทยานยนต์พลังงานไฟฟ้าปฏิวัติวงการที่ตั้งอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย เพื่อร่วมมือกันในแนวคิดริเริ่มที่ไม่เหมือนใคร จากการร่วมมือกับบริษัท Pacific Gas & Electric ผู้ให้บริการไฟฟ้าในท้องถิ่น Tesla และคาร์กิลล์ได้ทำการติดตั้งระบบแบตเตอรี่ขนาด 1 เมกะวัตต์ เทคโนโลยีเดียวกันกับที่ใช้ในยานยนต์ปราศจากมลพิษของ Tesla ที่โรงงานแปรรูปเนื้อในเฟรสโน ระหว่างช่วงที่ไม่มีการใช้พลังงานไฟฟ้ามากนัก แบตเตอรี่จะทำการจัดเก็บพลังงานไฟฟ้าเอาไว้เพื่อใช้งานในช่วงที่มีการใช้พลังงานไฟฟ้าสูง ตอนที่มีอัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าสูงทึ่สุด มันเป็นความคิดที่แหวกแนว โดยการนำเอาเทคโนโลยีการจัดเก็บแบตเตอรี่ไฟฟ้าล่าสุดเอามาใช้ในพื้นที่ของงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ จากการที่ได้มีการติดตั้งระบบเข้าไปในช่วงครึ่งแรกของปี 2015 คาร์กิลล์ถือเป็นหนึ่งในบริษัทแรกๆ ที่นำเอาเทคโนโลยีนี้ไปใช้งานในโรงงานของพวกเขา

“เครื่องจัดเก็บพลังงาน Tesla นั้นถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างความตั้งใจของเราที่ยินดีที่จะลองแนวคิดใหม่ๆ ที่แตกต่าง เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของเรา” แนชกล่าว “เราเข้าใจว่าในขณะที่เราผลิตโปรตีนเพื่อบำรุงหลายล้านคนในแถบชายฝั่งตะวันตก ถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเราที่เราจะทำมันอย่างมีความรับผิดชอบที่สุดเท่าที่จะทำได้”

ในเฟรสโน แบตเตอรี่ของ Tesla นั้นได้ให้พลังงานไฟฟ้าจากความต้องการพลังงานทั้งหมดของโรงงานได้กว่า 25% ซึ่งคาดการณ์ไว้ว่าจะช่วยคาร์กิลล์ประหยัดค่าไฟฟ้าไปได้กว่า 100,000 เหรียญสหรัฐฯ ต่อปี
เมื่อมองไปข้างหน้า คาร์กิลล์เชื่อว่ามีโอกาสที่จะมีการนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้ในโรงงานต่างๆ ของธุรกิจของตนเองเพิ่มมากขึ้น ลดผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อมของบริษัทในหลากหลายประเทศทั่วโลก